วันพุธที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

►วิธี เปิด - ปิด โปรแกรม Disk Defragmenter Windows 10◄


►วิธี เปิด - ปิด โปรแกรม Disk Defragmenter Windows 10◄

วิธีปิด โปรแกรม Disk Defragmenter 
1. เปิดหน้าต่าง My Computer แล้ว 
คลิกขวา ไดร์ใดก็ได้ หนึ่งไดร์ (C, D , E) แล้ว เลือก Properties

2. หน้าต่าง Porperties ให้ เลือก Tools

3. จากนั้น คลิก Optimze

4. ที่หน้าต่าง Optimize Drives ตรงส่วนย่อย 
Scheduled optimization จะเห็น ว่า ได้มีคำว่า ON อยู่ 
ให้ คลิก Change settings

5. หน้าต่าง Optimize Drives ตรง หัวข้อ Optimization schedule 
ให้ เอาเครื่องหมายช่อง Run on a schedule (recommeneed) ออก แล้ว OK

6 หน้าต่าง Optimize Drives ตรงส่วนย่อย 
Scheduled optimization จะเห็น ว่า ได้เปลี่ยนเป็นคำว่า OFF แล้ว ให้ คลิก Close ได้เลย

7. ที่หน้าต่าง Porperties ให้ คลิก Apply ตามด้วย OK 

8. เป็นอันเสร็จ แล้ว วิธีปิด โปรแกรม Disk Defragmenter 

วิธีเปิด โปรแกรม Disk Defragmenter 
ก็ให้ทำตามแบบ วิธีปิด ให้มาถึงขั้นที่ 4. แล้วให้แก้ตามนี้
1. ที่หน้าต่าง Optimize Drives ตรงส่วนย่อย 
Scheduled optimization จะเห็น ว่า ยังเป็นคำว่า OFF อยู่ 
ให้ คลิก Turrn on

2. หน้าต่าง Optimize Drives ตรง หัวข้อ Optimization schedule 
ให้ ติ๊กเครื่องหมายถูกช่อง Run on a schedule (recommeneed) 
คืนเข้าไป แล้ว OK

3. หน้าต่าง Optimize Drives ตรงส่วนย่อย 
Scheduled optimization จะเห็น ว่า ได้กลับมาเป็นคำว่า ON แล้ว ให้ คลิก Close ได้เลย

4. ที่หน้าต่าง Porperties ให้ คลิก Apply ตามด้วย OK 

5. เป็นอันเสร็จ แล้ว วิธีเปิด โปรแกรม Disk Defragmenter 

อ้างอิง
วิธีแก้ disk 100% ใน windows 10
https://www.youtube.com/watch?v=Dx66Pge7Jg4

วิธีทีเปลี่ยน นามสกุลไฟล์




วิธีทีเปลี่ยน นามสกุลไฟล์

1. เปิดหน้าต่าง File Explorer ขึ้นมา แล้ว คลิก View 
แล้วคลิก options 

2. เลือก Change  folder and search options แล้ว 
มีหน้าต่าง Folder Options ออกมา 
3. เลือก View แล้ว มองไปที่ Advanced settings 
ตรงช่อง Hide extensions for known file types 
เอาเครืองหมายถูกออกซะ แล้ว Apply ตามด้วย OK 
(นะค่ะนะค่ะด้วย)

4. จากนั้นไฟล์ต่างๆๆ ที่มีอยู่ ก็จะ มีนามสกุลออกมาให้เห็น

5. เราก็เลือก รูปที่จะเปลี่ยนนามสกุล แล้ว ก็ทำการเปลี่ยนนามสกุล (บอกก่อนนะ ว่าวิธีนี้ ไม่ต้องไปอำเภอเลยหล่ะนะ)


อ้างอิง
วิธีเปลี่ยนนามสกุลไฟล์
https://www.youtube.com/watch?v=dTwc47Vkweo

วันเสาร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2562

วิธีเปิดใช้งาน .NET 3.5 Framework



วิธีเปิดใช้งาน .NET 3.5 Framework 


มาเปิด 3.5 Framework .NET บน Windows 
ให้ทำงาน ในแบบออนไลน์ และ ออฟไลน์
มีวิธีการเปิด .NET 3.5 (มี.NET 2.0 และ 3.0) ให้ทำงาน และ
การแก้เวลา เปิดให้ทำงานไม่ได้ด้วย เมือรู้แล้ว ก็ 
มาลองกันเลยนะ อย่าช้า เดียวไฟดับ

แบบแรกเลยนะ (ถ้าจะลงป้ายให้กดออด ก็นะ)
แบบ Windows 8/8.1 จะมี .NET 3.5 (มี.NET 2.0 และ 3.0) 
ตั้งแต่เริ่มต้น แต่ ถ้าเราได้ปรับรุ่น Windows 7 เป็น Windows 8
.NET Framework 3.5 จะปิดใช้งานทั้งหมด เราสามรรถตรวจสอบ 
การเปิด-ปิด .NET Framework 3.5 ได้ ด้วย วิธีนี้
1.ที่ Control Panel แล้ว เลือก Programs

2. คลิก Programs and Feature แล้ว
จะมีหน้าต่าง Uninstall or change a program  ออกมา

3. หน้าต่าง Uninstall or change a program  มองด้านซ้าย 
จะมีประโยคว่า Turn Windows features on or off ให้ คลิกซะ 
แล้ว จะมีหน้าหน้าต่าง Windows Features ออกมา

เราก็ทำการเปิด-ปิด การทำงาน .NET Framework 3.5 ได้ 
โดยคลิก .NET Framework 3.5 (มี.NET 2.0 และ 3.0) แล้ว 
เลือก 2 ช่องย่อย แล้ว คลิก OK (นะค่ะ) 
จากนั้น .NET Framework 3.5 จะโหลดแพคเกจ (จบซะที)

แบบที 2 (ต่อเลยอย่าช้า)
แบบ ติด .NET Framework 3.5 ที่ไม่ต่ออินเตอร์เน็ต (ก็เสียดายตัง)
1. ใส่แผ่นดีวีดี Windows 8/8.1 หรือ ไฟล์ ISO 
ลักษณะนี้จะพบได้ในโฟลเดอร์ E:\sources\sxs 
(คือ e เป็นอักษรที่ระบุไดรฟ์ของไฟล์ ที่จะนำมาลงเครื่อง)
2. เปิด CMD.EXE ด้วยสิทธิ์ผู้ดูแลระบบ
3. พิมพ์ Dism.exe /online /enable-feature /featurename:NetFX3 /All /Source:E:\sources\sxs /LimitAccess และ Enter
โปรจะติดตั้ง .NET Framework 3.5 คอยหน่อย (ทำได้แค่รอ) 
หรือ ง่ายสุดๆๆ คือ ไปโหลดตัวนี้ มาซะ 
แล้ว ก็ให้โปรนี้ทำหน้าที่แทนเราเลย นี้ไง 
Microsoft .NET Framework 3.5 Offline Installer for Windows 8 and 8.1 
(แล้วก็ จบไป อีกวิธี) 

แบบ สุดท้าย (เท่าทีรู้มา)
แบบไม่มีแผ่น และ ยังไม่ได้ต่อเน็ตอีกด้วย (เอากันแบบนี้เลย)
จงไปโหลดตัวนี้ซะ dotnet win8.1.zip แล้ว เก็บไว้ในที่ควรเก็บ (อืม)

เวลาใช้ ก็แค่ Run administrator และ รอ (แค่นี้ ทำได้ไหม)

ปล. วิธีนี้ ใช้งานได้จริง แต่ จะปัญหากับ windows 8.1 ที่อัพเดตใหม่ๆเพราะ มีตัวอัพเดตบางตัวที่ไปขัดขวางการทำงานของมัน นั่นคือ KB2966826 , KB2966827 , KB2966828 (พวกมีปัญหา) และ
จะมี ข้อความว่า Error: 0x800F081F กับ Error: 0x800F0906 
ให้ไป Uninstall ออกก่อนเลย แม้มีแค่ตัวเดียว 
ก็เปิด .NET 3.5 (มี.NET 2.0 และ 3.0) ไม่ได้ 
(สมกับ เป็นพวก เจ้าปัญหา)

มาแก้ไขมันซะเลย เริ่ม
1. เปิด Control Panel คลิก Programs and Features และ 
คลิก View installed updates 

2. มองหน้าต่าง Uninstall an update แล้ว หาตัวที่ควรหา
(พวกเจ้าปัญหา ทั้ง 3 ซะ)
KB2966826      KB2966827      KB2966828
3. คลิก ตัวอัพเดตที่ต้องการ และ เลือก Uninstall ออกเลย


4. เมื่อ Uninstall แล้ว (เมื่อไม่มี เจ้าทั้ง 3 แล้ว) 
ให้เปิดการวิธีการใช้งาน .NET 3.5 (มี.NET 2.0 และ 3.0) ได้แล้ว (จะรอ อะไรอีก ทำเลย) แล้ว ก็จบบทความซะแล้ว หวัดดีนะ

อ้างอิง
วิธีการเปิดใช้งาน 3.5 Framework .NET บน Windows 8/8.1 
ในโหมดออนไลน์และออฟไลน์
http://plagaowjr.blogspot.com/2014/10/35-framework-net-windows-881.html

วันพฤหัสบดีที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2562

คำสั่ง Ping เมื่อจะหาค่า ip address ต่างๆๆ



วิธีเข้า Command Prompt

- hostname คือ address ของเว็บไซด์ เช่น 
ถ้าจะหาหมายเลข ip address ของเวป 
ตย. พิมพ์ ping www.wikihow.com (ping ชื่อเวป)
- IP address คือ ที่อยู่ในเครือข่ายของคอมที่ใช้ ไม่ว่าจะ local หรือ ออนไลน์ ถ้าจะหาชื่อของเวป จากหมายเลข ip address 
ตย. ให้พิมพ์ ping 192.168.1.1 (ping ***.***.*.*)
แต่ ถ้าจะ ping คอมของตัวเอง ให้พิมพ์ 
ping 127.0.0.1 ได้เลย (ไม่ต้องแก้ไข)
1.เข้าที star แล้ว พิมพ์ cmd

2. ผลที่ได้จาก ping  อยู่ข้างล่างหน้าต่าง command 
สำหรับส่วนรายละเอียด ให้เลื่อนลงไปอ่าน 

รายละเอียด 
1. บรรทัดแรก บอกว่าคำสั่งนี้ใช้ทำอะไร จะเป็นการทวน address 
ที่ใส่ไป และ บอกว่าส่งข้อมูลไปมากแค่ไหน เช่น
Pinging www.wikihow.com [173.203.142.5] with 32 bites of data:

2. ความหมายของส่วนต่างๆๆ
- TTL คือ จำนวนครั้งในการ hops ที่เกิดระหว่างขั้นตอนการส่ง packet ยิ่งเลขค่าต่ำ ก็คือ packet ผ่านเราเตอร์มากขึ้นเท่านั้น 
- [2] Time คือ ระยะเวลาที่ใช้ในการเชื่อมต่อ 
หน่วยเป็นมิลลิวินาที
Reply from 173.203.142.5: bytes=32 time=102ms TTL=48
Reply from 173.203.142.5: bytes=32 time=105ms TTL=48
Reply from 173.203.142.5: bytes=32 time=105ms TTL=48
Reply from 173.203.142.5: bytes=32 time=108ms TTL=48
วิธีหยุดคำสั่ง Ping คือ Ctrl + C 

3. เมื่อคำ สั่งจบ จะมีข้อความสรุปมาให้ 
- Lost packets คือ การเชื่อมต่อไป address นั้นๆ บางครั้งข้อมูลจะสูญหายระหว่างทางนั้น และ ยังสรุประยะเวลาการเชื่อมต่อด้วย
Ping statistics for 173.203.142.5:
Packets: Sent = 4, Received = 4, Lost = 0 (0% loss),
Approximate round trip times in milli-seconds:
Minimum = 102ms, Maximum = 108ms, Average = 105ms

ปัญหาที่พบบ่อย
1. ข้อความ error ที่เจอบ่อย คือ

Ping request could not find host www.wikihow.com. 
Please check the name and try again. 
แปลว่า เราสะกด hostname ผิดนั่นเอง ก็พิมพ์ใหม่ให้ถูก 
ถ้ายังไม่ได้อีก ก็ให้ใช้ hostname หรือ เว็บอื่นที่นิยม 
ตย. เวป search engine หรือ เว็บข่าว 
ถ้ายังเจอ error “Unknown host” อยู่ ก็คงเป็นที่ address 
ของเซิร์ฟเวอร์ domain name นั้นๆ
ลอง Ping ด้วย IP address ของ host แทนชื่อเว็บ 
(เช่น 173.203.142.5) ถ้าได้ผล แสดงว่า address 
ของเซิร์ฟเวอร์ domain name ผิด หรือ เว็บล่ม / ปิดปรับปรุง 
***ห้ามรบกวนนั้นเอง***

2. ข้อความ error ที่เจอบ่อย คือ

sendto: No route to host 
แปลว่า address ของ gateway ไม่ถูกต้อง หรือ คอมเราไม่ได้ต่อเน็ต
- ลอง Ping 127.0.0.1: คือ คอมเราเอง ถ้าใส่แล้วไม่ติด 
แสดงว่า TCP/IP ขัดข้อง และ 
network adapter ของคุณต้องปรับแต่งใหม่ [3]
- เช็คสัญญาณ Wi-Fi หรือ การเชื่อมต่อคอม กับ เราเตอร์ 
- พอร์ท network ของคอมส่วนใหญ่ จะมีไฟติดว่าเชื่อมต่อแล้ว และ ไฟกะพริบเวลาส่งข้อมูล ปกติ 
คำสั่ง ping ส่งข้อมูล 1 packet ต่อวินาที จึงทำให้ไฟกะพริบ
- เช็คว่าเราเตอร์ไฟติดดีไหม (ไม่ใช่ไฟบอกข้อผิดพลาด) และ 
ไฟที่บอกสัญญาณว่าต่อเน็ตแล้ว ถ้าไฟบอกว่ามีข้อผิดพลาด 
ก็ให้เช็คสายคอมไปเราเตอร์ ว่าเสียบสนิทไหม 
ถ้าไม่ได้อีกให้ติดต่อช่างอินเทอร์เน็ตที่เราใช้ 
(แสดงว่าหมดวิธีแก้ด้วยตนเองแล้ว)

บทสรุป
- เช็คว่าการเชื่อมต่อ และ ส่งข้อมูลตามปกติ ควรเป็นแบบไหน 
ให้พิมพ์ "ping -c5 127.0.0.1"  ตอนตั้งค่าคอมครั้งแรก 
จะเปลี่ยนเครือข่าย หรือ ถ้าท่องเว็บไม่ได้ ให้ใช้ ping มาเช็คคอม แล้ว ปรับแต่งต่อไป

คำสั่ง ping ที่ใช้บ่อยๆๆ
-c Count คือหยุดเมื่อส่ง packets ครบจำนวน หรือ พิมพ์ [ctrl]-C 
ตัวเลือกนี้ เหมาะ สำหรับสคริปต์ที่คอยเช็คลักษณะเครือข่าย
-w Timeout มิลลิวินาที รอจนมีข้อความบอกว่าหมดเวลา หรือ
ข้อมูลหายไป ให้ Ping โดยตั้งค่า timeout นานๆ จะได้รู้ปัญหาแฝง ping -w 10000 ปกติจะใช้กับเน็ตมือถือ สัญญาณดาวเทียม หรือ 
เครือข่ายแบบ high latency
-p Pattern คือ ชุดเลขฐานสิบหกต่อท้าย packet 
ถ้าสงสัยว่ามีปัญหาด้านข้อมูล อันนี้ ไม่ช่วยอะไรเท่าไหร่
-R ให้ใช้ตัวเลือก Record Route ของ IP เพื่อดูคำสั่ง ping ส่ง packets ไปเส้นทางไหน เว็บปลายทางอาจไม่แสดงข้อมูลอันนี้
-r Bypass ข้าม routing tables ให้ใช้เวลาสงสัยว่า routing 
มีปัญหา แล้ว คำสั่ง ping ไม่สามารถหาเส้นทางไปยังเว็บปลายทาง แต่ ได้ผลกับเว็บที่เข้าถึงได้โดยตรง ไม่ผ่านเราเตอร์
-s ขนาด Packet ใช้เปลี่ยนขนาด packets และ 
เช็ค packets ที่มีขนาดใหญ่มาก จึงต้องกระจายเป็นส่วนย่อย
-V ผล Verbose ใช้แสดง ICMP packets 
เพิ่มเติมที่บอกข้อมูลโดยละเอียด
-f Flood ใช้ส่ง packets โดยเร็วที่สุด เพื่อทดสอบแบบ 
stress test ว่าเครือข่ายทำงานได้สูงสุดเท่าไหร่ ไม่ควรใช้บ่อย
-l Preload ใช้ส่ง preload packets โดยเร็วที่สุด จากนั้น
ก็กลับมาส่งข้อมูลในความเร็วปกติ เหมาะ 
สำหรับเช็คว่าเราเตอร์รับมือกับ packets ได้มากแค่ไหน 
เพื่อวิเคราะห์ปัญหาที่เกิด เฉพาะ ตอนหน้าต่าง TCP มีขนาดใหญ่
-? Help แสดงรายชื่อคำสั่งทั้งหมด Ping รวมถึง syntax ที่จำเป็น

เสริมคำสั่งทีใช้ใน ทดสอบ IP Address
1. คำสั่ง tracert 
จะคล้าย ping แต่ จะแสดงเส้นทางว่าผ่านไปที่ใดบ้าง 
ตั้งแต่ต้นจนถึงปลายทาง ถ้าเกิดเหตุขัดข้องจะรู้ได้ว่า 
ตรงไหนที่ขัดข้อง  
(ถ้ามีเครื่องหมาย * แสดงว่า เส้นทางนั้นขาด หรือ ขัดข้อง) และ 
เมื่อคำสั่งนี้ทำงานเสร็จจะมีคำว่า trace complete
โครงสร้าง คำสั่ง ดังนี้
tracert www.google.co.th หรือ tracert 192.168.0.0

2. .คำสั่ง ipconfig 
จะแสดงรายละเอียดของหมายเลขไอพี เครื่องที่ใช้งานอยู่ 
รายละเอียดการ์ดแลน
โครงสร้าง คำสั่ง ดังนี้
ipconfig (ถ้ามี option เพิ่มจะเป็นรูปแบบนี้ ipconfig /xxx )

option ของคำสั่ง ipconfig ที่นิยมใช้บ่อย
/? แสดง help ของคำสั่งนี้
/all แสดงรายละเอียดทั้งหมด
/release ยกเลิกหมายเลข IP ปัจจุบัน
/renew ขอหมายเลข IP ใหม่ ในกรณีเน็ตเวิร์คมีปัญหา 
เราสามารถตรวจสอบได้ ด้วยคำสั่งนี้ ถ้าคำสั่งนี้ทำงานได้  แสดงว่า ปัญหาไม่ได้มาจากระบบเครือข่าย แต่ เกิดที่ซอฟท์แวร์ของเรา

3.  คำสั่ง netstat    
เป็นการตรวจสอบ การเชื่อมต่อจากที่ต่างๆ ออกมาทั้งหมด
ไม่ว่าจะมา จาก protocol TCP, UDP, ICMP และอื่นๆ 
รวมไปถึงหมายเลข Port และ IP ของผู้ติดต่อมาที่เครื่องของเรา
โครงสร้าง คำสั่ง netstat

มีความหมายดังนี้
- Proto คือ Protocol ที่กำลังใช้งานอยู่จะมี TCP และ UDP เป็นหลัก
- Local Address (ค่า IP หรือ ชื่อเครื่อง: port ที่ใช้งานอยู่) คือ 
จะแสดงหมายเลข IP ของเรา (ตย.นี้เป็นชื่อเครื่อง) และ 
port ที่ืั้กำลังใช้งานอยู่
- Foreign Address (ค่า IP หรือ ชื่อเครื่อง : Port ที่ใช้ติดต่ออยู่): 
ตย.นี้ จะแสดงชื่อ หรือ IP address ของเครื่องที่เราติดต่ออยู่ด้วย และ หมายเลข Port ที่เราใช้เชื่อมต่อนั้นๆ
- State คือ สถานะของการเชื่อมต่อของ netstat นั้นๆ 
จะมี 4 แบบ ได้แก่
*. Established เป็นสถานะบอกว่าเครื่องเชื่อมต่อ กับ 
IP address ปลายทางด้วย port หมายเลขนั้นแล้ว 
ซึ่งสถานะนี้ เป็นเรืองปกติในการเชื่อมต่อ internet  แต่ 
ก็ควรตรวจสอบให้ดีเพราะ มีบาง port ที่ไม่จำเป็น ก็ไม่ต้องเชื่อมต่อ เช่น port 23 ซึ่งเป็น port ของ telnet (ทั่วไปแล้ว ไม่ใช้กันเท่าไร) และ 
กรณีอีกอย่าง สำหรับสถานะ Established คือ 
ควรตรวจสอบว่าไม่ได้ connect ไปหาIP address แปลกๆ
เพราะว่า บางที่เครื่องเราลักลอบติดต่อ ไปด้วยโปรแกรมอันตรายอย่าง Trojan เป็นต้น
*. Time_wait คือ สถานะรอการเชื่อมต่อกลับมาอยู่ หรือ
ไม่ก็โดน scan port อยู่
*. Listening คือ ยังไม่มีเครื่องใดติดต่อมา หรือ 
กำลังรอการเชื่อมต่ออยู่
*. Close_wait คือ ปิดการเชื่อมต่อ 
(จะไม่พบมาก สำหรับสถานะนี้ และ สถานะอื่นๆ
ทีจะพบ คือ สถานะ SYN_SENT , FIN_WAIT )

4.  คำสั่ง nslookup
เป็นการตรวจสอบ หมายเลข IP Address ว่า 
เป็นของเว็บไซต์ไหน หรือ ใช้กลับกัน หมายถึง เว็บไซต์นี้
มีหมายเลข IP Address อะไร
โครงสร้าง คำสั่ง ดังนี้
nslookup 64.233.181.106 
(ตรวจสอบ IP Address นี้ เป็นของเว็บไซต์ไหน)
nslookup www.google.com 
(ตรวจสอบ เว็บไซต์นี้ มี IP Address อะไร)

หมายเหตุ
จุดสังเกตุเสันทางที่ตรวจสอบนี้จะต้องวิ่งผ่าน Server ตลอด 
นั้นก็คือ ISP ที่ใช้บริการอยู่ (ตย.นี้ คือ rmutp.ac.th หรือ 202.29.104.1)

อ้างอิง
คำสั่งCommand Promptที่เกี่ยวกับInternet
https://noc.rmutp.ac.th/commandpromptinternet/
วิธีการ ใช้คำสั่ง Ping ทดสอบ IP Address
https://th.wikihow.com/%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%87-Ping-%E0%B8%97%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%9A-IP-Address

คำสั่ง Ping ทีใช้บ่อยๆๆ




คำสั่ง  Ping ทีใช้บ่อยๆๆ


Ping เป็นโปรที่ทดสอบว่าโฮสต์ปลายทางได้เชื่อมต่อ กับ 
เครื่องปลายทางอยู่หรือไม่  โดยเครื่องปลายทางต้องกำหนดหมายเลข ip address ได้ โดยใช้คำสั่งผ่านโปร command prompt โดยกำหนดปลายทางเป็น ชื่อของเครื่อง หรือ อุปกรณ์เชื่อมต่อ กับ ระบบเครือข่าย หรือ เว็บไซต์ 


คำสั่ง Ping 

ทำงานโดยส่งข้อมูล ICMP ประเภท "echo request" 
ไปยังโฮสต์เป้าหมาย และ คอยการตอบรับเป็นข้อมูล 
"echo response" กลับมา นอกจากนี้  Ping ประมาณเวลาเดินทางโดยเฉลี่ยของข้อมูลไปกลับ โดย คำนวณจากช่วงเวลา และ 
อัตราเร็วในการตอบรับ เป็นหน่วยมิลลิวินาที และ
อัตราการสูญเสียข้อมูลระหว่างโฮสต์เป็นเปอร์เซ็นต์ อีกด้วย


คำสั่ง ping มีดังนี้

Usage: ping [-t] [-a] [-n count] [-l size] [-f] [-i TTL] [-v TOS] 
[-r count] [-s count] [[-j host-list] | [-k host-list]] 
[-w timeout] target_name


ตัวเลือกของคำสั่ง

-t Ping ไปยัง Host ตามที่ระบุเรื่อยๆ จนกว่าจะสั่งยกเลิก 
(เมื่อยกเลิกให้กด Ctrl-C.และ จะดูสถิติกด Ctrl-Break) 
-a เปลี่ยนหมายเลข IP Address ของ Host เป็นชื่อแบบตัวอักษร 
-n count Ping แบบระบุจำนวน echo ที่จะส่ง 
-l size กำหนดขนาด buffer 
-f ตั้งค่าไม่ให้แยก flag ใน packet. 
-i TTL Ping แบบกำหนด Time To Live 
โดยกำหนดค่าตั้งแต่ 1-255 
-v TOS กำหนดประเภทของบริการ (Type of service) 
-r count Ping แบบให้มีการบันทึกเส้นทาง และ 
นับจำนวนครั้งในการ hops จนกว่าจะถึงปลายทาง 
-s count Ping แบบนับเวลาในการ hop แต่ละครั้ง 
-j host-list Loose source route along host-list. 
-k host-list Strict source route along host-list.
-w timeout Ping แบบกำหนดเวลารอคอยการตอบรับ 

ตย.    ping -t -n   
ส่งข้อมูลแพ็คเกจไปเรื่อยๆ จำนวนหลายๆครั้ง เครื่องเซิร์ฟเวอร์ หรือ เครื่องปลายทาง ก็คอยส่งสัญญาณตอบกลับแบบ ไม่รู้จบ (บ่นไม่ได้) จึงทำให้ระบบเครือข่ายมีปัญหาได้ เช่นนั้น ผู้ดูแลระบบบางแห่งจึงตัด หรือ ระงับการส่งสัญญาณตอบรับคำสั่ง Ping ออกจากเซอร์วิสของเครื่องเซิร์ฟเวอร์  จึงทำให้บางทีผลการตรวจสอบระบบเครือข่าย
ด้วยคำสั่งนี้จึงไม่แน่นอนอีกต่อไป 

อ้างอิง
คำสั่ง ping คืออะไร
http://108like.com/computer/ping_in_command_prompt.html

วันเสาร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2562

shutdown คอม คนใกล้ตัว ด้วย cmd

shutdown คอม คนใกล้ตัว ด้วย cmd

ทำเลย ไม่ต้อง คิดอะไรให้มันมากมาย จงทำในสิง ที่ต้องทำ 
(แล้ว ก็ยอมรับผลทีตามมาด้วยนะ)

เริ่ม ทำมันตรงนี้ได้เลย

1. ไปที่ star แล้ว พิมพ์ cmd 
2. ที่หน้าต่าง command ให้พิมพ์ cd c:/ 
3. พิมพ์นิอีก title Remote Hacker Console 
4. พิมพ์นิต่อ เป็นการเลือกสีของโปร Color A   
5. ก็ยังต้องพิมพ์ต่อไป นิเป็นการล้างหน้าจอ cls  
6. พิมพ์ตัวนิต่ออีกครั้ง shutdown -i 

7. มีหน้าต่าง Remote Shutdown Dialog เปิดขึ้นมา 
8. คลิกตรง ADD แล้ว ก็ใส่ IP ทีต้องการให้ได้รับผล 
จากการกระทำของเราในครั้งนี้ (อารมณ์ส่วนตัวเน้นๆๆ)

9. เมื่อ คลิก OK แล้ว ก็ ตั้งค่าตามแต่ใจ ที่มีมีมาแต่เดิม
(มาถึง ขั้นนี้ คงไม่มีทางอื่น)
10. จากนั้น คลิก OK (จงได้รับผลนั้นไปซะ)
11. เสร็จแล้ว (จากนั้น ทำการสำนึกในสิ่งที่ได้ทำลงไป)
12. ขอบคุณ ได้ อยู่เป็นเพือนกันมาตลอดนะ

ปล. วิธีหา IP ให้พิมพ์ netstat 

อ้างอิง
สอนแกล้งเพื่อนให้shutdownกับหาip เพื่อน ด้วย cmd
https://www.youtube.com/watch?v=PC0sh-g1hFk

วันศุกร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2562

แอบ เล็ง แอบ ยิง (ยิง IP )


*****ตัวนี้ยิง IP ได้****

(ไม่ต้องใช้โปร)

คำสั่ง

1. ไปที่ star แล้ว พิมพ์ cmd 
2. ที่หน้าต่าง command ให้พิมพ์ cd /   
3. พิมพ์ title Remote Hacker Console 
4. พิมพ์ Color A  (จะเป็นสีของตัวอักษร)
5. พิมพ์ cls  (ล้างหน้าจอ)


ต่อมาเริ่มยิงแล้ว

พิมพ์ pingวรรค-tวรรค-lวรรค65500วรรคตามด้วยไอดี แล้ว enter
พิมพ์ ping -t -l 65500 **.**.***.***
ถ้าจะยกเลิกให้กด ctrl+c

อ้างอิง
[GhostZaTV] ยิง IP ยังไงให้ดับ ?
https://www.youtube.com/watch?v=3UAddRTyYp8


วันพฤหัสบดีที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2562

โปรแกรม ซ่อนไฟล์ในภาพ (โปรแกรม HIP )


โปรแกรม HIP 

คือ โปรแกรม ซ่อนไฟล์ในภาพ เช่น สกุล JPEG , PNG หน้าที่ คือ การซ่อนไฟล์ต่างๆเช่น วีดีโอ เอกสาร ไฟล์เสียง และอื่นๆ  
หากไม่สังเกตดีๆ จะไม่รู้เลย เพราะเวลาเปิดดู
จะเห็นรูปปกติ (แน่หล่ะ ก็โปร เค้าบอกว่าซ่อนไฟล์นิ)

โดยโปรจะแยกออกเป็น 2 ส่วน มีดังนี้
ส่วนบน คือ ซ่อนไฟล์ และ ส่วนล่าง จะแสดงไฟล์ที่ซ่อน

มาเริ่มใช้งาน เจ้าโปรนี้กัน

เริ่มจาก ส่วนบน คือ ซ่อนไฟล์
1. เลือก รูปภาพต้นทาง จะเป็นไฟล์ภาพ เอาไว้หลอกคน
2. เลือก ไฟล์ ซ่อน (ตื่นเต้น)
3. เลือกโฟลเดอร์ เก็บไฟล์
(แต่ ถ้าจะเซฟทับ ให้เลือกโฟลเดอร์เดิมเลย)
4. คลิก ประมวลผล ถ้าเสร็จแล้ว จะมีหน้าต่างแจ้งเตือน

ไฟล์ภาพที่ได้ จะเหมือนกับภาพปกติ แต่ ขนาดไฟล์จะไม่เหมือนปกติ

ต่อมาดูส่วนล่างกัน คือ การแสดงไฟล์ที่ซ่อนไว้ (ความอยากรู้)

มาเริ่มดูกัน เลย
1. เลือก ไฟล์รูป ที่ซ่อนไฟล์ไว้
(แต่ ถ้าเป็นรูปที่ไม่มีการซ่อน จะมีหน้าต่างแจ้งเตือน)
2. เลือก โฟลเดอร์ ที่ต้องการแกะไฟล์
3. คลิก ประมวลผล ถ้าเสร็จแล้วจะมีหน้าต่างแจ้งเตือน
4. จงดูไฟล์ ที่ซ่อนไว้ อย่างตั้งใจ (เปิดใจกว้างๆๆ จงเข้าถึง)

ปล. เพื่อประโยชน์ ของผู้ใช้โปรนี้
อย่าซ่อนไฟล์ที่ใหญ่ เพราะ ไฟล์รูปที่ซ่อน จะมีขนาดใหญ่เกินไป
และ การซ่อนไฟล์  จะซ่อนได้ภาพละหนึ่งไฟล์

***แนะนำ เพิ่มเติม คือ โปรนี้ เป็นตัวทดลองเท่านั้น 
อาจมีข้อผิดพลาดในการทำงานได้บ้าง***

Note : โปรแกรม HIP นี้ ผู้พัฒนาโปรแกรม (Program Developer) 
ได้แจกให้ ใช้กันฟรีๆ (FREE)ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ เลย และ สามารถติดต่อ ผู้พัฒนาโปรแกรมนี้ได้
(E-Mail) : phra.manop.maneerat@gmail.com  
(ภาษาไทย หรือ ภาษาอังกฤษ)ได้หมดเลย

อ้างอิง
HIP (โปรแกรม HIP ซ่อนไฟล์ไว้ในภาพ JPEG ฟรี)
https://software.thaiware.com/13789-HIP-Download.html